แนวคิดตามทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล แฮรี่ สแตค ซัลลิแวน ( Harry Stack Sullivan )
ประวัติ
แฮรี่ สแต็ค ซัลลิแวน (Harry
Stack Sullivan) เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1895 ที่นิวยอร์ค
สหรัฐอเมริกา และเสียชีวิตในเดือนมกราคม ค.ศ. 1949 รวมอายุ 55
ปี ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต
จากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ของชิคาโกและเข้าเป็นแพทย์ทหารในสงครามครั้งที่ 2
เมื่อสงครามยุติได้เข้าทำงานเป็นแพทย์ในสถาบันต่างๆ
ต่อมาได้เข้าทำงานที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์
ซึ่งเป็นช่วงที่เขาได้ศึกษาโรคจิตเภทที่มีจำนวนมากในขณะนั้นซัลลิแวนเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์
นักกล่าวสุนทรพจน์ทางจิตเวชเป็นผู้นำในการฝึกฝนจิตแพทย์ในด้านบุคลิกภาพ
เขาได้ตั้งทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (The interpersonal Theory of
Psychiatry) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1929 และสำเร็จในกลางปี
ค.ศ. 1930 ตลอดชีวิตมีผลงานเล่มเดียว คือ ทฤษฎีบุคลิกภาพ
ซึ่งพิมพ์ในปี ค.ศ. 1947 ผลงานที่เหลือได้รับการตีพิมพ์หลังเขาเสียชีวิตแล้วโดยเพื่อนของเขานำออกตีพิมพ์
เช่น Psychiatric Interview , Clinical Studies in
Psychiatry , Schizophrenia as a Human Process และ The
Fusion of Psychiatry and Social Science
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของซัลลิแวน
ซัลลิแวน เห็นว่า สังคมมีส่วนสำคัญต่อการสร้างบุคลิกภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัมพันธภาพระหว่างบุคคลที่ส่งผลต่อการรับรู้ของตนเอง
จนทำให้บุคคลปรับเปลี่ยนตนเองไปตามนั้น เขาจึงได้สร้างทฤษฎีชื่อ
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (The interpersonal Theory) โครงสร้างบุคลิกภาพจึงเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับบุคคล
บุคคลที่มีความสัมพันธ์ด้วยอาจมีชีวิตอยู่จริงบุคลิกภาพเป็นการทำงานประสานกันระหว่าง
การแปรเปลี่ยนพลัง (Dynamics) การสร้างภาพบุคคล(Personification)
และกระบวนการคิด (Cognitive Process)
1.1. การแปรเปลี่ยนพลัง (Dynamics) เป็นกระบวนการปรับตัวของบุคคล
ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ซึ่งเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ถึงความต้องการของผู้อื่นแล้วแสดงพฤติกรรม
ตอบสนองความต้องการของผู้อื่น ทั้งที่อาจไม่ได้ต้องการตามนั้น เช่น
การแกล้งน้อง…ไม่ดี เด็กจะไม่ทำ ซึ่งจะค่อยๆหลอมรวมเป็นบุคลิกภาพ ซัลลิแวนเชื่อว่า
ศูนย์กลสงการผันแปรอยู่ที่ระบบตน (Self System) อันเป็นระบบของการสร้างภาพตนเอง
ทำให้รับรู้ตนเองใน 3 ลักษณะ คือ
1. ภาพตนเองที่ว่า “ฉันดี” (Good Me) ซึ่งเป็นผลของประสบการณ์ที่รับการยอมรับจากการอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ให้ความรู้สึกรักใคร่
อบอุ่น เอาใจใส่ ห่วงใย ทำให้เกิดความพึงพอใจ
2. ภาพตนเองที่ว่า
“ฉันเลว” (Bad Me) เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการได้การอบรมเลี้ยงดูแบบทอดทิ้ง
ไม่เอาใจใส่ ไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการ จึงทำให้เด็กเกิดความไม่พอใจ
3. ภาพตนเองที่ว่า
“ไม่ใช่ฉัน” (Not Me) เกิดจากการอบรมเลี้ยงดูแบบขู่เข็ญหรือทำให้หวาดกลัวอย่างรุนแรงทำให้เกิดความวิตกกังวลสูง
จึงแสดงพฤติกรรมออกมาในเชิงปฏิเสธ
1.2 การสร้างภาพบุคคล
(Personification) เป็นภาพที่บุคคลวาดขึ้นจากการที่ตนได้ไปสัมพันธ์กับคนอื่นภาพเหล่านี้อาจเป็นภาพของตนเองหรือผู้อื่น
ซึ่งเป็นภาพที่ถูกต้องหรือไม่ก็ได้
1.3 กระบวนการคิด (Cognitive
Process) ซัลลิแวนเชื่อว่ากระบวนการคิดเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างบุคลิกภาพเขาได้แบ่งกระบวนการคดออกเป็น
3 ลักษณะ คือ
1. โปรโตทาซิก (Prototaxic)
เป็นกระบวนการคิดของทารกที่ยังไม่ได้ปรุงแต่ง
รับรู้สิ่งต่างๆอย่างไม่เฉพาะเจาะจง ไม่เข้าใจความหมาย ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย
2. พาราทาซิก (Parataxic)
เมื่อเด็กพัฒนาความคิดสูงขึ้นจะเริ่มเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระว่างสิ่งต่างๆทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้างปนกันไป
แต่ความคิดของเด็กถือว่าสิ่งที่คิดนั้นเป็นจริง
3.
ซินทาซิก (Syntaxic) เมื่อเด็กมีความสามารถทางภาษาเพิ่มขึ้นถึงขั้นใช้สัญลักษณ์แล้ว
สภาพความเป็นจริงกับความจริงมากขึ้น สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้
สื่อสารกับผู้อื่นได้เข้าใจ
2. การพัฒนาบุคลิกภาพ
ซัลลิแวนได้แบ่งการพัฒนาบุคลิกภาพตามประสบการณ์เป็น 7 ขั้น คือ
1. ขั้นทารก (Infancy)
อายุแรกเกิด -18 เดือน วัยนี้จะมีความสุข
กับการใช้ปากในการตอบสนองความต้องการอาหารของตนเองด้วยการดูดหรือการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการใช้ประสาทตาสัมผัสกับมือในการดูดนิ้วตนเอง
2. ขั้นวัยเด็ก (Childhood)
อายุ 18 เดือน - 5 เดือน เป็นระยะที่เริ่มหัดพูด ฝึกออกเสียงได้ชัดเจน
เริ่มมีเพื่อนและต้องการให้ผู้อื่นยอมรับสถานภาพของตนเอง
3. ขั้นวัยเยาว์ (Juvenile
Era) อายุระหว่าง 5-12 ปี
เป็นวัยที่เข้าโรงเรียน พัฒนาการทางร่างกายเร็วมากเริ่มรู้จักสังคม
มีการร่วมมือและแข่งขัน เรียนรู้ที่จะควบคุมตนอง
4. ขั้นก่อนวัยรุ่น (Pre-
Adolescence) อายุ 11-13 ปี
เริ่มมีวุฒิภาวะทางเพศ
มีการกล้าแสดงออกมากขึ้นและยังต้องการความเท่าเทียมกับผู้ใหญ่
5. ขั้นวัยรุ่นตอนต้น
(Early Adolescence) อายุระหว่าง 13- 17 ปี เป็นวัยที่มีความพอใจในเรื่องเพศ ต้องการคบเพื่อนเดียวกันและต่างเพศ
ต้องการความเป็นอิสระไม่อยากพึ่งพาใคร
6. ขั้นวัยรุ่นตอนปลาย
(Late Adolescence) อายุ 17-19 ปี
ร่างกายเจริญเต็มที่ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้และเข้าใจตนเอง
เรียนรู้บทบาทในสังคมได้ดี
7. ขั้นวัยผู้ใหญ่ (Adulthood)
อายุระหว่าง 20-30 ปี
เป็นวัยที่มีพัฒนาการทุกอย่างสมบูรณ์เต็มที่สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นสร้างหลักฐาน
มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น